ยาสีฟัน แตกต่างที่ส่วนผสม ก่อนซื้ออย่าลืมเช็ก
ยาสีฟัน ในท้องตลาดปัจจุบันนอกจากจะมีแบบสูตรปกติที่เราคุ้นเคยกัน ผู้ค้าแต่ละแบรนด์ก็จะมีสูตรใหม่ๆ ส่วนผสมใหม่ๆออกมาอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มีทางเลือกที่มากขึ้น โดยที่ผู้บริโภคเองก็อาจไม่แน่ใจในสรรพคุณที่อยู่บนฉลากของยาสีฟันว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาช่องปากของเรานั้นได้ดีกว่าเดิมหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วก็เหมือนๆกันเพียงแค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูน่าสนใจขึ้นเท่านั้น เฟรชมิ้น จึงขอมาอธิบายว่าจะเลือกยาสีฟันให้เหมาะกับเราอย่างไรจากการดูส่วนผสมจากฉลากในห้างร้านที่เราไปซื้อกัน
สารขัดถู (Abrasives)
คือสารที่มักผสมอยู่ในยาสีฟันทั่วไป ซึ่งมีหน้าที่กัดกร่อน ขจัดคราบแบคทีเรียและคราบต่างๆที่มายึดเกาะกับฟันของเรา โดยสารอนุภาคเล็กๆเหล่านี้ได้แก่ แคลเซียมคาร์บอเนต ซิลิกา อลูมิเนียมออกไซด์และแมกนีเซียมคาร์บอเนต นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการนำ "ชาร์โคล" (Charcoal) เข้ามาเป็นส่วนผสมในยาสีฟัน ซึ่งก็มีฤทธิ์กัดกร่อนเช่นกันแต่มีความรุนแรงมากกว่าสารที่กล่าวมาข้างต้น
สารดูดความชื้น (Humectants)
เป็นสารที่ผสมเข้าเพื่อให้ยาสีฟันมีสัมผัสเหมือนนุ่มนิ่มเหมือนเจล ทำให้ผู้ใช้แปรงได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีสารสร้างฟองและสารแต่งรสแต่งกลิ่นเพื่อให้รสสัมผัสต่างๆเมื่ออยู่ในปากแล้ว สามารถใช้งานได้โดยไม่เกิดผลกระทบกับผู้ใช้ โดยที่สารเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำความสะอาดแต่อย่างใด
ถือเป็นสารสำคัญของยาสีฟันที่เราจะได้ยินกันอยู่ตลอด โดยฉพาะในฝั่งต่างประเทศ บางประเทศนั้นระบุเลยว่าในยาสีฟันจำเป็นต้องมีสาร "ฟลูออไรด์" เป็นส่วนผสม หน้าที่ของฟลูออไรด์นั้นเป็นเกราะเคลือบฟันป้องกันการทำลายฟันจากแบคทีเรียในช่องปาก ดังนั้นการเลือกซื้อยาสีฟัน ในส่วนผสมนั้นควรมีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย หรือสารที่มีชื่อว่า "ไฮดรอกซีอะพาไทด์" (Hydroxyapatite) ซึ่งสามารถใช้แทนฟลูออไรด์ได้ ในกรณีผู้ใช้แพ้ฟลูออไรด์แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ส่วนใหญ่ก็ยังแนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์จะดีกว่า
จากข้อมูลดังกล่าวก็จะสรุปได้ว่า ไม่ว่าผู้บริโภคจะเลือกซื้อยาสีฟันที่มีส่วนผสมอย่างไรก็ตาม ข้อที่ควรคำนึงถึงคือควรเลือกซื้อยาสีฟันที่มีสารฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมอยู่ เพราะฟลูออไรด์มีหน้าที่หลักที่สำคัญมากในการปกป้องฟันจากแบคทีเรียในช่องปาก ยาสีฟันที่ใช้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับฟลูออไรด์ที่ผสมเข้าไปในยาสีฟันนั่นเอง